AI-Centric Networks: ยุคใหม่ของโทรคมนาคม "ฉลาดกว่าที่เคยเป็น"

 

โลกโทรคมนาคมกำลังถูกเร่งรอบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตโครงข่าย, ผู้ให้บริการมือถือ, หรือหน่วยงานกำกับดูแล ต่างเร่งหาคำตอบสำหรับเครือข่ายยุคต่อไป ที่ไม่ได้วัดกันแค่ “ความเร็ว” หรือ “ความครอบคลุม” อีกต่อไป แต่กำลังมุ่งสู่ยุคที่เครือข่ายต้อง “คิดเองเป็น” และ “ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ” ด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ความตื่นตัวนี้สะท้อนชัดในงาน Future Wireless Summit 2025 ของ Samsung Electronics ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้ธีม “Unlocking New Possibilities with AI-Centric Networks” ซึ่งรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาชี้ทิศทางสำคัญที่จะกำหนดอนาคตเครือข่ายทั่วโลก รวมถึง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย

AI คือศูนย์กลาง: จาก Connected สู่ Intelligent Network

ประเด็นหลักของเทรนด์นี้คือการทำให้ AI กลายเป็น “ศูนย์กลางการทำงานของเครือข่าย” ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยหลังบ้านอีกต่อไป • เครือข่ายยุคใหม่คือ "ถนนอัจฉริยะ": เปรียบเครือข่ายเดิมเป็นแค่ถนน แต่ AI-Centric Network คือถนนที่ คิด-คาดเดา-ปรับตัวได้เอง รู้ว่ารถติดตรงไหน ควรเปิดเลนสำรอง หรือจัดการจราจรแบบเรียลไทม์ • AI คือ “เครื่องมือ” สู่ยุค 6G: AI เข้ามาแก้สมการความซับซ้อนที่เกิดจากปริมาณ Data Traffic ที่พุ่งสูง, การจัดการ 5G/6G, ความต้องการ Ultra-Low Latency (AR/VR, Remote Surgery), และความผันผวนของโหลด • เป้าหมายสูงสุดคือ Autonomous Network: เครือข่ายอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่สามารถจัดการทรัพยากรและแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง

2 หัวใจหลักของ AI-Centric Networks

  1. AI Radio Innovation: คลื่นวิทยุที่ “คิดเป็น” AI ถูกนำมาใช้ในระดับคลื่นวิทยุ (Radio Layer) ซึ่งเป็น “ชั้นที่ละเอียดที่สุด” ของเครือข่ายไร้สาย เพื่อทำหน้าที่เป็น “นักวิเคราะห์สัญญาณประจำเสาทุกต้น” • การปรับตัวแบบ Real-time: วิเคราะห์สภาพสัญญาณ, จุดกระจุกตัวของผู้ใช้, อุปสรรค (ตึกสูง), และความหนาแน่นของคลื่น • การจัดสรรทรัพยากรไร้รอยต่อ: ปรับ Beamforming, ความกว้างของช่องสัญญาณ, หรือการจัดสรรคลื่นใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องรอวิศวกรปรับตั้งค่า
  2. AI Network Innovation: เครือข่ายที่ซ่อมตัวเองได้ (Self-Optimizing / Self-Healing) ในระดับเครือข่าย (Network Layer) AI จะเสริมความอัจฉริยะในการบริหารจัดการ: • Predictive Maintenance - คาดการณ์ว่าไซต์ไหนจะล่มก่อนเกิดเหตุ • ลดความล่าช้าโดยอัตโนมัติ - จัด Routing ใหม่ให้ข้อมูลไปเส้นทางที่เร็วที่สุด • Dynamic Resource Allocation - จัดการโหลดแบบอัจฉริยะ เช่น เสริมความถี่เมื่อมีคนดูสตรีมพร้อมกัน

Global Trend: ทิศทางของผู้นำโทรคมนาคมโลก

  • NTT DoCoMo: AI-native networks (6G) ฝัง AI ตั้งแต่ Radio Layer ถึง Core Network เพื่อ Low Latency (sub-millisecond)

  • Ericsson: Cognitive Networks วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ต่อเนื่อง & แนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพอัตโนมัติ

  • Nokia: Self-Healing Networks เครือข่ายที่ซ่อมตัวเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดูแลโครงข่าย (OpEx)

  • China Mobile / Huawei: บริหารทรัพยากรด้วย AI (City-Scale)ใช้ AI ทำนายโหลดตามย่าน และปรับแต่งเครือข่ายรองรับการใช้งานในเมืองใหญ่

ผลกระทบต่อไทยและภูมิภาคเอเชีย

ในประเทศไทย จะเห็นว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ (AIS, True, NT) กำลังจับสัญญาณนี้อย่างใกล้ชิด เพราะ AI-Centric Networks จะเป็นตัวกำหนดศักยภาพในอนาคตของ • Smart City / Smart Mobility: เครือข่ายต้องตอบสนองสภาพจราจรและข้อมูลเมืองแบบ Real-time • Healthcare: รองรับการ Remote Surgery และการส่งข้อมูลทางการแพทย์ด้วยความหน่วงต่ำสุด • โรงงาน 4.0 (Industrial IoT): มั่นใจได้ในเครือข่ายที่ คาดเดาได้ และ เสถียรสูงกว่า ระดับคอนซูเมอร์ • ผู้ใช้งานทั่วไป: ประสบการณ์ 4K/8K Streaming และ Real-time AR จะลื่นขึ้นจนสัมผัสได้

เครือข่ายไม่ได้แค่ “เร็ว” แต่ “ฉลาด”

AI-Centric Networks คือการยกระดับเครือข่ายจากแค่ "BTS ที่ส่งสัญญาณ" ไปสู่ "BTS ที่รู้ว่าควรส่งอย่างไรให้ดีที่สุด" และจาก "ระบบที่ต้องแก้ไข" ไปสู่ "ระบบที่เรียนรู้และซ่อมตัวเองได้" ผู้ใช้ปลายทางอาจไม่เห็นกระบวนการที่ซับซ้อนเบื้องหลัง แต่พวกเขาจะ “รู้สึกได้ว่าเร็วขึ้น ลื่นขึ้น และเสถียรขึ้น” อย่างชัดเจน โทรคมนาคมกำลังก้าวสู่บทใหม่ ยุคที่เครือข่ายไม่ใช่แค่เชื่อมต่อ แต่ “คิดแทนเราได้”

ที่มา : Samsung


 
Alex Alun