ระบบประชุมทางไกลประเภท Next-Generation ผ่าน Cloud อันดับ 1 ของโลก 4 ปีซ้อน (โดย Gartner) ราคาถูกและดีที่สุดในปัจจุบัน คิดค่าบริการเป็นรูปแบบ subscription รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 1000 คน โดย มีบริษัทชั้นนำทั่วโลกกว่า 1 ล้านบริษัทเลือกใช้ มีsolution รองรับการประชุมผ่านทาง PC มือถือรวมถึง Solution ห้องประชุมขนาดเล็ก กลางและใหญ๋

อ่านเพิ่มเติม >

Software ระบบประชุมทางไกลแบบ On-premise โดยสามารถติดตั้งบน server หรือ Cloud ได้ เหมาะสำหรับองค์กรที่เน้นเรื่องความปลอดภัยสูงสุด (security) และองค์กรที่มี IT ดูแลประจำ โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็น One-time

อ่านเพิ่มเติม >



อุปกรณ์ห้องประชุมทางไกลแบบ Next-Generation ในรูปแบบ USB ที่ไม่ผูกติดกับระบบประชุมใดๆ รองรับการใช้งานกับ Software conference ทุกยี่ห้อ ตั้งแต่ห้องประชุมขนาด 5 คน ถึง 50 คน

อ่านเพิ่มเติม >

Video Conference คืออะไร

 
Laptop-FBLive.jpg
 
 

VDO CONFERENCE หรือ การประชุมทางไกลผ่านทางจอภาพ 

คือการประชุมที่ผู้ร่วมประชุมซึ่งอยู่ต่างสถานที่กันสามารถทำการประชุมร่วมกันได้โดยให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งประชุมอยู่ในห้องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียงโดยผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในรูปแบบต่างๆเป็นตัวเชื่อมเช่น เช่น เครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัลหรือไอเอสดีเอ็น (Integrated Services Digital Network, ISDN), เครือข่าย Over Internet Protocol (IP) หรือที่เรียกว่า (IP Network),เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรหรือแลน (Local Area Network, LAN) และปัจจุบันเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะได้รับความนิยมมาก เนื่องจากคุณภาพของโครงข่ายและ technology ได้พัฒนาไปมากในราคาที่ประหยัดกว่าเดิมหลายเท่า

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบ Video Conference

 
Screen-Shot-2016-03-25-at-9.19.25-AM-1024x589.png
 
 

1) ระบบ ‘Video Conference มืออาชีพ’ vs ‘Video Conference ประยุกษ์ใช้’

หลายคนเข้าใจว่าระบบประชุมทางไกลคือระบบที่ทุกคนแค่เห็นหน้ากันและฟังเสียงซึ่งกันและกันอย่างเช่น line ก็ใช้งานได้หรือ google Hangout ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายก็สามาถใช้งานได้ จริงอยู่ถ้ามีการประชุมแค่ 3-5 คน ก็คงจะสามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเราลองใช้ line ประชุม ซัก 15 คนและลองสังเกตุดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้องประชุมของคุณก็คงจะวุ่นวายน่าดูเพราะเสียงทั้งหมดที่เป็นเสียงคนและที่ไม่ใช่เสียงคนจะเข้าไปใน microphone เช่นเสียงกด keyboard หรือเสียงรถยนต์วิ่งผ่านเป็นต้น ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงเหมือนกันจนแทบจะฟังอะไรไม่ได้ หรือถ้าคุณอยากจะเชิญใครบางคนออกจากห้องประชุมหรือ ปิดหรือ mute เสียงเพื่อไม่ให้ใครบางคนได้ยิน คุณจะทำยังไง หรือคุณจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง

ระบบประชุม conference ที่ดีต้องสามารถควบคุมเรื่องดังกล่าวได้ โดย microphone ต้องสามารถกรองเฉพาะเสียงคนที่ประชุมไดยตัดเสียงกด keyboard หรือเสียงรถยนต์วิ่งผ่านหรือเสียงอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสนทนาออกไปได้

หลายคนมีความเข้าใจว่า การประชุมทางไกลนั้น สามารถนำกล้องทั่วไปอะไรก็ได้มาประยุกษ์ใช้แทนกล้องที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการประชุมทางไกล เช่น กล้อง GoPro หรือ webcam ราคาถูกเป็นต้น โดยต้องใช้คนคอยควบคุมทิศทางของกล้องตลอดเวลาในการซูมหน้าคนพูด หรือหันกล้องตามคนพูดที่เดินไปเขียนหน้ากระดาน ซึ่งถ้าประชุมนานๆทีก็ไม่น่าเป็นปัญหาแต่ถ้าต้องประชุมกันบ่อย ๆ เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดการใช้งานที่ยากลำบากพอสมควร

ระบบกล้องที่ออกแบบมาสำหรับ conference มีสมองกลหรือ AI (Aritificial Intelligence) ในตัวเองเช่นความสามารถที่จะนับจำนวนคนที่เข้าประชุม ตรวจสอบดูใบหน้าของผู้เข้าร่วมประชุม ซูมไปยังคนพูดได้ (speaker tracking) หรือปรับภาพให้มองเห็นคนทั้งห้องได้อัตโนมัติ (group framing) เมื่อมีการเดินไปที่กระดาน หรือแม้แต่ระบบปรับแต่งหน้าตาของคนที่เข้าประชุมอัตโนมัติ (touch up) ให้เราดูดีกว่าเดิมถึง 30%

คำถามคือเราต้องการลงทุนกับระบบ video conference และใช้นานๆทีหรือใช้ทุกวัน ถ้านานใช้ที เช่น 3 เดือนครั้งก็อย่าไปคิดอะไรมาก เพราะบางทีการไปเช่าห้องประชุมมางไกลนอกสถานที่อาจจะคุ้มกว่า แต่ถ้าท่านมีความตั้งใจที่จะใช้บ่อยๆเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การทุนครั้งนี้กับระบบมืออาชีพก็จะคืนทุนโดยเร็วและคุ้มค่ามาก

2) ระบบ ‘Video Conference’ vs ‘Video Conference & Collaboration’ 

ระบบ video conference generation แรกจะเน้นการแสดงภาพและระบบเสียงที่คมชัดอย่างเดียวซึ่งจะแตกต่างระบบ video conference แบบใหม่ที่มี function การทำงานร่วมกันที่เรียกว่า collaboration ซึ่งสามารถมาทดแทนการเข้ามาเจอกันที่ออฟฟิศได้ 100% โดยมี features เช่น share screen, Annotation ร่วมกันเขียนที่หน้าจอ, remote control ร่วมกันแก้ที่ file powerpoint หรือ excel เดียวกัน  หรือระบบ Cloud recording เพื่อแชร์ video การประชุมให้คนที่ไม่ได้เข้าร่วม

ระบบ Video Conference แบบอดีตจะเน้นเฉพาะแค่การประชุมนานๆครั้ง แต่ระบบ Video Conference & Collaboration จะให้มากกว่าแค่การประชุม โดยองค์กรสามารถนำระบบไปใช้ได้ดังนี้
1) ระบบประชุมทางไกล
2) ใช้สำหรับการเรียนการสอนหรือ Training
3) ใช้สำหรับทำงานโครงการ
4) ใช้แทนการสัมมนา
5) ใช้ในการประกาศเปิดตัวสินค้า
6) ใช้ในการบริการลูกค้่า
7) ใช้ในการสัมภาษงาน
8) ใช้ในการทำ survey, polling หรือทำแบบทดสอบ

 
 
AW_Page zoom-06-06-06.jpg

 

3) ระบบ ‘Legacy Video Conference’ vs ‘Modern Video Conference’

เนื่องจากระบบประชุมทางไกลมีการพัฒนาไปรวดเร็วมากจึงสามารถสมมุติฐานได้ว่าสินค้าที่องค์กรได้ซื้อไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วและปัจจุบันก็ยังคงใช้งานอยู่นั้น ได้ถือว่าล้าสมัยไปแล้วเหมือนช่วงยุคกล้อง digital ที่มาทดแทนการกล้องที่ใช้ฟิล์ม นั้นก็หมายความว่าไม่ว่าคุณจะ Upgrade ยังไง และจะเสียเงินอีกมากเท่าไร่ คุณก็ยังไม่าสามารถนำกล้องระบบเก่าไปแข่งกับระบบใหม่ได้ในเรื่องประสิทธิภาพและราคา ระบบประชุมทางไกลก็เช่นกัน โดยหลักข้อแตกต่างระหว่างระบบ Legacy และ Modern จะเห็นได้ชัดอยู่ 3 เรื่องคือ

1) Legacy จะมีราคาสูงกว่า Modern มากถึง 3 เท่า

2) Legacy จะมี Server ตั้งเองที่องค์กรของตัวเองที่เรียกว่า On-premise แต่ Modern จะอยู่บน Cloud หรือ Hybrid Cloud โดยหลายองค์ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยมากไปจนต้องแลกกับราคาและประสิทธิภาพของ Cloud ซึ่งแท้จริงแล้วยังมี Solution ที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยเช่น Hybrid Cloud ที่ข้อมูลเสียงและภาพจะถูกเก็บที่ Server ของตัวเองแต่ยังใช้ความสามารถพิเศษอื่นอีกมากมายผ่าน Cloud

3) Legacy จะไม่มีสมองกล AI (artificial Intelligence) ที่คิดเองประมวลผลเองได้ที่ตัวอุปกรณืภาพและเสียงแต่ Modern จะมี AI อยู่ที่อุปกรณ์ทุกตัว ซึ่งจะมีความฉลาดในการรับมือกับการประชุมทางไกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 
 
3-03-03-03.jpg
 
Picture39.jpg
 
 

ปัจจัย 9 ข้อที่ผู้ใช้ต้องคำนึงถึงในการเลือก ระบบ Video Conference & Collaboration

 
 

เนื่องจากระบบ Video Conference ที่มีอยู่ในตลาดส่วนใหญ่จะเน้นที่ประชุมแบบเห็นหน้าอย่างเดียว เน้นเรื่องการแลกเปลี่ยน conversation และเห็นหน้ากัน แต่ยังขาด function การทำงานร่วมกัน ดังนั้น ระบบดังกล่าวจึงยังไม่สามารถแทนการทำงานได้ 100% ซึ่งจะแตกต่างจากระบบ video conference generation ใหม่อย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ปัจจัยในการเลือกระบบ video conference แบบเน้นเห็นอย่างเดียวจะเน้นแค่เรื่องความคมชัดด้านเสียงและภาพเท่านั้น อีกทั้งระบบ video conference โดยทั่วไปมักเน้นเรื่องการประชุมกันแค่ภายในองค์เท่านั้น โดยไม่สามารถให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าร่วมประชุมได้ จึงยังไม่มี function ด้านความมั่นคงปลอดภัย หรือควบคุมการประชุมโดยเฉพาะ การประชุมแบบ one-to-many หรือ many-to-many. อีกเรื่องที่มีความสำคัญก็คือระบบประชุมแบบเก่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ internet ที่ค่อนข้างแปรผันในเรื่องของคุณภาพ

ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้ระบบดังกล่างมีปัญหากับการใช้งานกับ internet ทำให้ประสบการณ์ในการประชุมค่อนข้างแย่ อีกทั้งพนักงาน IT เองก็ไม่มีเครื่องมือหรือเครือข่าย network ที่ทันสมัยพอ (MPLS) ที่ไม่สามารถมองเห็นการทำงานของ application ได้ จึงทำให้ไม่สามารถควบคุณภาพระบบ video conference ได้เลย ทำให้ผู้ใช้งานหงุดหงิดและประสบการณ์การใช้งานไม่ดี จนสุดท้ายต้องแรกกับการลงทุนด้านเรื่องระบบ network แทนโดยการเพิ่ม bandwidth หรือเปลี่ยนไปใช้ internet ราคาแพง

4-04-04-04-04.jpg


สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ ZOOM

ระบบที่ตอบโจทย์ทุกอย่างสำหรับระบบประชุมทางไกลแบบ Video Conference & Collaboration ที่รองรับ

one-to-one, one-to-many และ many-to-many แบบครบวงจร

สามารถกดที่ link ข้างล่างนี้