ปฏิวัติการเงินเอเชีย: เมื่อ AI และ ISO 20022 ผสานพลังสกัดกั้นอาชญากรรมทางการเงิน
#1toKnow
ถ้าคุณมองว่าธนาคารเป็นเพียงสถานที่ทำธุรกรรมทางการเงิน คุณอาจต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว เพราะโลกการเงินเอเชียกำลังถูกปฏิวัติด้วย AI และมาตรฐาน ISO 20022
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การฉ้อโกงทางการเงินและฟอกเงินเติบโตแบบก้าวกระโดด และแก๊งมิจฉาชีพเองก็ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่แค่บนโลกออนไลน์ แต่พวกเขามี “Scam Compounds” หรือศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวง ปลอมตัวเป็นธุรกิจถูกกฎหมายตั้งอยู่ในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ AI สร้างตัวตนปลอม (Synthetic Identities) ส่งฟิชชิงเมลจำนวนมหาศาล หรือแม้แต่หลบเลี่ยงระบบความปลอดภัยแบบเดิม ด้วยวิวัฒนาการที่เจ้าหน้าที่เองก็ตามไม่ทัน
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารและภาครัฐในเอเชียต้องปรับตัวอย่างจริงจัง:
- การใช้ AI ตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ: ธนาคารใช้ AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ และผสานระบบยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการฟอกเงินอย่างทันท่วงที
- การนำ ISO 20022 มาใช้: มาตรฐานนี้ทำให้ข้อมูลธุรกรรมละเอียด ชัดเจน และสามารถประมวลผลอัตโนมัติ ลดช่องว่างที่มิจฉาชีพจะใช้ประโยชน์
- ความร่วมมือระดับประเทศ: หลายประเทศได้ริเริ่มมาตรการเชิงรุก เช่น ฮ่องกงเปิดตัวแอปพลิเคชัน Scameter เพื่อแจ้งเตือนการฉ้อโกง, สิงคโปร์มี Shared Responsibility Framework เพื่อแบ่งความรับผิดชอบ และออสเตรเลียก็สร้าง Scam-Safe Accord เพื่อความร่วมมือข้ามสถาบันการเงิน
ดังที่ ฮ่องกง เปิดตัว Scameter แจ้งเตือนการฉ้อโกงบนมือถือ, สิงคโปร์ ใช้ Shared Responsibility Framework แบ่งความรับผิดชอบระหว่างธนาคารและผู้ให้บริการโทรคมนาคม หรือการที่ ออสเตรเลีย กับ Scam-Safe Accord สร้างความร่วมมือข้ามสถาบันการเงิน เพื่อปกป้องลูกค้า
ทั้งนี้จากตัวเลขชวนอึ้ง เมื่อปี 2024 ระบุว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เสียเงินจากการฉ้อโกงสูงถึง 688 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบสองในสามของมูลค่าการสูญเสียทั่วโลก
การผสมผสานระหว่างมาตรฐานระดับโลกอย่าง ISO 20022 และเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่การป้องกันความเสียหาย แต่คือการสร้าง ความน่าเชื่อถือ และ ความมั่นใจ ให้กับลูกค้า และเป็นโอกาสที่องค์กรไทยจะได้เรียนรู้และปรับตัวเพื่อยกระดับระบบการเงินให้ทันสมัยเทียบเท่าระดับสากล
ประเทศไทยเองก็ไม่หยุดนิ่ง มีการนำระบบ BAHTNET และ PromptPay/MyPromptQR มาใช้เพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัย และเริ่มใช้มาตรฐาน ISO 20022 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบการเงิน
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มงวด โดยกำหนดให้สถาบันการเงินรายงานเหตุการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ ใช้มาตรการป้องกันธุรกรรมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และนำเทคโนโลยีชีวมาตร (Biometric) มายืนยันตัวตน เพื่อลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ
การผสานกันระหว่างมาตรฐาน ISO 20022 และ AI ในการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ และมาตรการความปลอดภัยเชิงรุกเหล่านี้ ทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ยุคที่ระบบการเงินมีความมั่นคง ปลอดภัย และทันสมัย เทียบเคียงกับแนวทางที่ประเทศอื่นในเอเชียเริ่มใช้กันแล้ว นี่คือโอกาสที่ธนาคารและองค์กรไทยได้เรียนรู้และปรับตัว เพื่อปกป้องลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินได้อย่างแท้จริง
ฉะนั้นการลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ จึงไม่ได้เป็นแค่การป้องกันความเสียหาย แต่คือการสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในยุค Digital Banking
ที่มา : dataconomy, ธนาคารแห่งประเทศไทย
#DigitalBanking #AI #ISO20022 #FinTech #CyberSecurity #1toAll #วันทูออล #1toAllTransformation #LeadingtheFuture #NextGenTelecomOperator